บทความนี้จะเป็นการจัดอันดับ Notebook หน้าจอ 17.3″ ที่แม้ส่วนมากในตลาดตอนนี้สเปกแรงๆ จะเป็นขนาดหน้าจอ 15.6″ เป็นเพราะขนาดและน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ที่พกพาได้ง่ายกว่า แต่ Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ก็เชื่อว่ามีหลายคนต้องหาซื้อมาใช้งานเช่นเดียวกัน เพราะว่ารับได้ขนาดและน้ำหนักที่มากว่า Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ได้ ที่ต้องบอกเลยว่าความแตกต่างของ Gaming Notebook สองขนาดหน้าจอนี้ที่ไม่กี่นิ้วในมุมแทยง มีผลต่อการเล่นเกม หรือทำงานอย่างตัดต่อวีดีโอจริงๆ
ส่วนตัวแอดมินโป้งเอง แนะนำเลยว่าถ้าคิดว่าเราสามารถพกพา Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ได้ ให้เลือกไว้ก่อน เพราะได้ประสบการณ์ใช้งานเล่นเกมได้สนุกกว่า ในราคาที่เอาจริงๆ ก็ไม่ต่างกับรุ่นหน้าจอ 15.6″ ในสเปกเท่ากัน ดีไม่ดีบางรุ่น มีราคาเท่ากันด้วยซ้ำ ซึ่งในการจัดอันดับ Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ประกอบด้วยกัน 5 รุ่น สเปกชิปประมวลผล CPU เป็น i7-9750H ส่วนการ์ดจอ GPU เป็น GTX 1650 ขึ้นไป ในราคาที่ถูกสุดแค่ 28,900 บาทเท่านั้น !!! เชื่อว่าต้องถูกใจกันซักรุ่นอย่างแน่นอน มีอะไรบ้างไปชมกันต่อเลย
1. Lenovo ideapad L340 Gaming-81LL006YTA 28,900 บาท
Lenovo IdeaPad L340 Gaming เป็น Gaming Notebook เน้นความคุ้มค่า เป็นโน๊ตบุ๊คสเปกแรงที่สามารถเอาไปเล่นเกมได้สบายๆ โดดเด่นด้วยสเปกเองก็แรงชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Core i7-9750H พร้อมด้วยการ์ดจอระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 รุ่นใหม่ล่าสุด อีกทั้งได้ดีไซน์ขอบจอที่บางและน้ำหนักเครื่องที่เบา รวมๆ มีความเรียบง่าย จากการที่ทาง Lenovo ก็มีการนำเสนอสิ่งใหม่อยู่ตลอด ทำให้เราสามารถซื้อโน๊ตบุ๊คแรงๆ ในราคาที่ไม่แพงเลย จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมหน้าจอ 17.3″ ที่ถูกที่สุดด้วยในตลาดตอนนี้
สำหรับ Lenovo IdeaPad L340 นั้นเรียกได้ว่ามาครบเครื่องเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมหรือทำงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้วที่ครบครัน ลงตัวอย่าง จะสร้างประสบการณ์ในการเล่นเกมหรือทำงานกับผู้ใช้งานได้อย่างสบายๆที่เด็ดที่สุด ความคุ้มค่าราคาไม่แพง สำหรับน้ำหนักและความหนาของตัวเครื่อง ถือว่าเบากว่าปกติตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คปี 2019 ที่ควรจะเป็น แม้จะมีขนาดหน้าจอใหญ่ที่ 15.6″ แต่ก็มีน้ำหนักเพียง 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น ทำให้พกพาไปไหนมาไหนสะดวกสบายมาก โดยรวมแล้วการดีไซน์ของ Lenovo IdeaPad L340 Gaming รุ่นใหม่นี้ถือทำได้ดีมาก
หน้าจอขนาด 17.3″ แบบด้านลดแสงสะท้อน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี Refresh Rate ที่ 60Hz ให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C, HDMI, 3 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Intel Wireless-AC 9560 2×2 AC สนนราคา Lenovo IdeaPad L340 Gaming รุ่นขายจริงอยู่ที่ 28,990 บาท การรับประกันแน่นอนว่าเป็น ประกัน 3 ปี แบบ On-Site Service โทรแจ้งช่างมาซ่อมได้ถึงที่
2. MSI GF75 Thin 9SC-076TH ราคา 34,280 บาท
Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ อย่าง MSI GF75 Thin 9SC เป็นรุ่นที่น่าสนใจมากๆ เพราะด้วยตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาเพียง 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น โดยเป็นรุ่นหน้าจอ 17.3″ ก็จริง แต่น้ำหนักเบาเท่ากับรุ่นหน้าจอ 15.6″ แบบก่อนๆ เลย โดดเด่นด้วยสเปคสุดแรง Intel Core i7-9750H และ NVIDIA GeForce GTX 1650 พร้อมแรมขนาด 8GB DDR4 และ SSD 512GB บอกเลยให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เยี่ยมยอด ได้ทั้งความบางเบา ประสิทธิภาพ และความสวยงามในเครื่องเดียว ในราคาเพียง 34,280 บาทเท่านั้น
โดยมีความบางที่ 22~23.1 มิลลิเมตร ยังคงรักษาความเป็นเกมเมอร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการออกแบบให้ความรู้สึกที่ดุดันมีพลัง ด้วยวัสดุอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง แม้แต่ฝาหลังก็สื่อความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมได้เต็มเปี่ยมถูกใจคอเกมอย่างสุดๆ วัสดุอลูมิเนียมขัดเงาบรัชเป็นล่นเส้นๆ แนวตั้งดูโดดเด่นแบบเรียบง่าย พร้อม ด้วยโลโก้มังกรแดง Dragon Army มินิมอลสุดๆ ในส่วนของขอบด้านหน้าเป็นพลาสติกมีการเว้นพื้นที่เว้าเอาไว้ให้เปิดฝาหน้าจอได้ง่าย
MSI GF75 Thin 9SC มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen อย่าง Intel Core i7-9750H เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads มีการ์ดจอออนบอร์ดเป็น Intel UHD Graphics 630 มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 Buss 2666MHz แบบ 8GB x 1 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจอรุ่นใหม่ตระกูล GTX 16 Series อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ซึ่งถ้าใครอยากเพิ่มความจุของที่เก็บข้อมูลก็สามารถอัพเกรดใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ได้อีกตัวด้วย
3. Acer Predator Helios 300-PH317-53-77ZX ราคา 45,190 บาท
Acer Predator Helios 300-PH317-53 ปี 2019 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ที่มีความครบเครื่องเรื่องของสเปกและฟีเจอร์มากๆ รวมไปถึงการออกแบบดีไซน์ที่ดูจริงจัง Gaming โดยเน้นความแรงประสิทธิภาพในการเล่นเกมเป็นหลัก ที่สำคัญได้ระบบระบายความร้อน AeroBlade 3D Gen 4 ส่งผลให้แม้สเปกจะแรงแค่ไหน แต่ก็จัดการความร้อนได้เยี่ยมไรักังวล โดดเด่นด้วยฟีเจอร์เพียบพร้อมและเทคโนโลยีที่ครบครัน โดยมีปุ่มกดที่เร่งประสิทธิภาพอย่าง Turbo ตัวเครื่องจะเร่งรอบพัดลมอัตโนมัติให้แรงที่สุดทั้ง 2 ตัว เพื่อให้ชิปประมวลผลทำได้เต็มที่ 100% ส่วนการ์ดจอก็จะมีการเร่งความแรงไปอีกให้เกิน 100% ด้วยการ Overclock
Acer Predator Helios 300-PH317-53 เลือกใช้สเปกเป็นชิปประมวลผลเป็น Core i7-9750H ส่วนการ์ดจอเริ่มต้นเป็น NVIDIA GeForce GTX 1660Ti (6GB GDDR6) พร้อม Ram 16GB DDR4 Bus 2666 (8GB x 2) ที่ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD m.2 แบบ NVMe ที่ความจุ 512GB รวมถึงยังใส่ฮาร์ดดิสก์ 2.5″ ได้อยู่ จัดว่าให้สเปกมาเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไปมากๆ แต่เหมาะสำหรับการเล่นเกมแบบสุดๆ
หน้าจอขนาด 17.3″ แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนลคุณภาพ IPS ตอบสนองที่ 144Hz 3ms แถมตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนล บนซอฟแวร์เสียง Waves Maxx Audio ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-C จำนวน 1 ช่อง, USB 3.1 Type-A จำนวน 3 ช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, ช่องเสียบหูฟังไมค์ขนาด 3.5 มิลลิเมตร พร้อมด้วยช่องสาย Lan RJ45 พร้อม E2500 Ethernet Controller
และการเชื่อมต่อ Wi-Fi แบบ Wireless-AC 1550 และ Killer Control Center 2.0 ของ Killer ที่ช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ให้มีเสถียรภาพและสมูทขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 เป็นมาตรฐาน แน่นอนว่า Acer Predator Helios 300 (2019) รุ่นที่ขายในไทยต้องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานทันที มีประกัน 3 ปี On-site Service หรือส่งศูนย์ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ตามมาตรฐานของ Acer Predator ที่เป็น Gaming Notebook ระดับกลางค่อนสูง
4. ASUS ROG Strix G731GV-EV089T ราคา 49,900 บาท
ASUS ROG Strix G731 เป็น Gaming Notebook ขอบจอบางตัวเครื่องมิติเล็กกระชับทั้ง 3 ด้าน คือ บน ซ้ายและขวา พร้อมตัดกล้องเว็บแคมออกไป มีน้ำหนักอยู่ที่ 2.85 กิโลกรัม คาดว่าจะมาแบบแยกแนวเดียวกับ ASUS Zephyrus S GX701 ส่วนบานพับเป็นแบบ ASUS Zephyrus S GX531 แบบ 2 แกนยกตัวขึ้นมา ที่ทั้ง ASUS ROG Strix Hero III ได้ทาง BMW Designworks Group มาร่วมออกแบบด้วย เห็นได้ชัดจากชุดระบายความร้อนด้านหลังที่เป็นครีบคล้ายกับเสื้อสูมมอเตอร์ไซต์จาก BMW เรียกได้ว่ายกระดับขึ้นไปอีกขั้น
ส่งผลให้ ASUS ROG Strix G731 มีความพิเศษที่ 3D Thermal Design ได้เรื่องความล้ำสมัยและคำนึงถึงอรรถประโยชน์ในการใช้งานเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดีไซน์ช่องระบายความร้อนแบบ 3D Flow Zone เพิ่มการไหลเวียนของอากาศ นำความร้อนออกจากภายในตัวเครื่องได้รวดเร็วที่สุด ที่สำคัญจากรุ่นก่อนที่มี Light Bar ด้านหน้า รุ่นนี้จะได้ไฟ RGB ด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่องเข้ามา อย่าง Surrounded Light Bar รอบตัวเครื่องพร้อมเกมมิ่งคีย์บอร์ดแบบ RGB ให้สามารถปรับแต่งแสงไฟได้ตามสไตล์ของผู้ใช้อย่างอิสระ
ASUS ROG Strix G731 จะมีจำหน่ายอยู่หลากหลายสเปก โดยรุ่นที่แนะนำเป็นราคา 49,990 บาท ได้ชิปประมวลผลตัวแรงเป็น Intel Core i7-9750H (2.60 – 4.50 GHz) ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce RTX2060 (6GB GDDR6) พร้อมฮาร์ดดิสก์แบบ SSD แบบ NVMe ความจุ 512GB ไว้ด้วย ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 สองแถว (อัพได้สูงสุด 32GB) ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก
หน้าจอที่นำมาติดตั้งเป็นหน้าจอที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้ กับความละเอียด Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz แบบผิวด้าน ให้สีสันการแสดงผลในเกณฑ์ดีน่าประทับใจอย่างที่สุดทั้งเล่นเกมหรือทำงาน ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C, mini DisplayPort, HDMI, 3 x USB 3.0, Kensington lock slot , SD Card Reader, RJ-45 , Headset
พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 ac พร้อมเทคโนโลยี RangeBoost เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นแรกของโลกที่ใช้ตัวรับสัญญาน Wifi แบบ Multi-antenna บนมาตรฐาน Wave 2 (2×2 + 2×2) ให้ระยะการรับสัญญานที่ไกลขึ้นถึง 30% พร้อมอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น สนนราคา ASUS ROG Strix G731 จัดว่าคุ้มค่าไม่แพง ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็น เวลา 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุอีก 1 ปี จากทาง ASUS Thailand ที่เราสามารถส่งได้ตามศูนย์บริการ หรือใครจะสะดวกฝากส่งเคลมตามร้าน 7-11 ทั่วประเทศก็สามารถทำได้เช่นกัน
5. MSI GE75 Raider 9SF -463TH ราคา 63,100 บาท
MSI GE75 Raider 9SF -1047TH ถือว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นพี่ใหญ่ประจำแบรนด์ MSI ซึ่งรูปโฉมการออกแบบดีไซน์จะดูโดดเด่นกว่ารุ่นอื่นๆ มาพร้อมกับการดีไซน์ที่เน้นเรื่องจอใหญ่บางเบาพร้อมกับพกพาได้สะดวกได้ง่ายกว่ารุ่นหน้าจอ 17.3″ เดิมๆ สีสันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สีโทนดำแดงเริ่มจากวัสดุบอดี้ตัวเครื่องฝาหลังจะเป็นอลูมิเนียมสีดำ ผิวเรียบหรูสวยงาม พร้อมขีดเส้นซ้ายขวาสีแดงสะท้อนแสง ผสานกับโลโก้มังกร MSI สีแดงมีไฟสว่างเมื่อเปิดเครื่อง ดูโดยรวมแล้วเรียบง่ายกว่ดุดันสไตล์เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับ Hi-End
ทางด้านช่องระบายความร้อนของ MSI GE75 Raider 9SF -1047TH จะมีมาให้ด้วยกันถึง 4 ช่อง ด้านหลังสอง และด้านข้างซ้ายอย่างละหนึ่ง โดยใช้พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้นดีกว่าเดิมแบบ Cooler Boost 5 ดีไซน์ด้านในตัวเครื่องบอดี้เป็นอลูมิเนียมสีดำบลัชลายปัดเสี้ยน พร้อมคีย์บอร์ด SteelSeries Full Size ไฟ RGB Pre-Key หน้าจอเลือกใช้ขนาด 17.3 นิ้วขอบบางเพียง 5.7 มม. เท่านั้น ทำใหดีไซน์บอดี้โดยรวมเท่ากับโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วธรรมดา ระบบเน็ตเวิร์ค Killer ลื่นๆ เวลาเล่นเกมออนไลน์
MSI GE75 Raider 8SF ใช้ชิปประมวลผลเป็น Core i7-9750H (2.60 – 4.50 GHz) ทำงานแบบ 6 Core/12 Thread ประสิทธิภาพพร้อมการ์ดจอตัวแรงระดับ Desktop อย่าง NVIDIA GeForce RTX 2070 (8GB GDDR6) มีที่เก็บข้อมูลเป็น SSD m.2 PCIe 512 GB หนึ่งแถว (ใส่ SSD m.2 ได้ 2 แถว)ในส่วนของแรมมีมาให้ 16 GB แบบ DDR4 Bus 2666 (ใส่มา 8 GB Dual Channel) อัปเกรดได้สูงสุด 64GB (ใส่ Ram ได้ 2 แถว)
นอกจากนี้มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 17.3 นิ้ว ที่ความละเอียด Full HD พาเนลคุณภาพสูง IPS ให้จอแสดงผลมีมุมมองกว้าง สวยงาม ไม่ว่าจะดูหนังหรือเล่นเกมก็สามารถใช้ได้ดีชัดเจน รองรับการแสดงผล Refresh Rate ที่ 144 Hz ลำโพงก็เลือกใช้ซอฟแวร์ของ Nahimic เวอร์ชั่น 3 ทำให้สามารถขับเสียง ลำโพง Giant Speaker 4 ตัว ใหญ่กว่ารุ่นเดิม 5 เท่า (2 Speakers + 2 Woofers) ทำให้ขับเสียงได้ดียิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมความละเอียด HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัว
ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, mini Display Port, 1x USB3.1 Gen2 Type-C , 2x USB 3.1 Gen1 Type-A , 1x USB 3.1 Gen2 Type-A , Kensington lock slot, 2-in-1 SD, Lan RJ-45, รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi 5 AC Killer + Bluetooth v5 ตัวเครื่องน้ำหนัก 2.66 กิโลกรัม พร้อม Windows 10 แท้ สนนราคาล่าสุดอยู่ที่ 63,100 บาท (ปกติ 74,900 บาท) ประกัน 2 ปีเต็มตามมาตรฐานของ MSI